ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากต่อสังคมโลกและสังคมไทย ทำให้การทำธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ หรือการค้าขายนั้นมีความเปลี่ยนแปลงไป โดยได้มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการให้ง่ายต่อการซื้อขายสินค้า การเคลมสินค้า อันจะเห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการเริ่มมีการออกเอกสาร e-Receipt แทนใบเสร็จรับเงินแบบกระดาษให้กับลูกค้ามาหลายปีแล้ว
e-Receipt คืออะไร ทำไมใคร ๆ ต่างให้ความสนใจ
สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่า e-Receipt คืออะไร ทำไมใคร ๆ ต่างให้ความสนใจอยากใช้งาน เรามีคำตอบมาฝากกัน โดย e-Receipt หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเอกสารหลักฐานแสดงการรับชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถออกโดยผู้ประกอบการ 2 ประเภท คือ ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT) และ ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ (Special Business Tax: SBT)
ซึ่งไม่ใช่ผู้ประกอบการทุกคนที่สามารถออกเอกสารใบรับอิเล็กทรอนิกส์ให้กับลูกค้าได้ จะต้องเป็นผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนในระบบการออกใบกำกับภาษีและใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากรก่อนจึงจะสามารถออกเอกสารนี้ให้กับลูกค้าได้
ลูกค้าจะได้รับใบรับอิเล็กทรอนิกส์ก็ต่อเมื่อได้ชำระค่าสินค้าหรือบริการให้ผู้ขาย ผู้ให้เช่าซื้อสินค้า ผู้ให้บริการ โดยมีรายละเอียดอ้างอิงตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดในพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ.2534 เรื่อง “จำนวนเงินหรือราคาที่ผู้ขาย ผู้ให้เช่าซื้อ ผู้รับเงินหรือผู้รับชำระราคาต้องออกใบรับ” ดังนี้
- ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการรายย่อยที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 86/8 แห่งประมวลรัษฎากร โดยมียอดชำระแต่ละครั้งเกิน 1,000 บาทขึ้นไป
- ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/16 แห่งประมวลรัษฎากร โดยมียอดชำระแต่ละครั้งเกิน 500 บาทขึ้นไป
- ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยมียอดชำระแต่ละครั้งเกิน 100 บาทขึ้นไป
- ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81 และ 81/1 และผู้ประกอบกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/3 แห่งประมวลรัษฎากร โดยมียอดชำระแต่ละครั้งเกิน 100 บาทขึ้นไป
เมื่อรู้จักกับใบรับอิเล็กทรอนิกส์กันไปแล้ว รู้แล้วว่าจะสามารถขอเอกสารนี้ได้จากการซื้อสินค้าหรือบริการกับผู้ประกอบการประเภทใดได้บ้าง ทีนี้มาทราบถึงสาเหตุที่ใคร ๆ ให้ความสนใจใบรับอิเล็กทรอนิกส์นี้กันบ้าง กล่าวคือในปีภาษี 2567 นี้ รัฐบาลมีโครงการลดหย่อนภาษีที่ชื่อว่า “Easy e-Receipt” ซึ่งอนุญาตให้ผู้มีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำเอาเอกสารใบกำกับภาษีและรับอิเล็กทรอนิกส์ของการซื้อสินค้าและบริการช่วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2567 มาใช้ลดหย่อนเงินได้สุทธิสำหรับการคำนวณภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ผู้คนอยากรู้ว่า ใบรับอิเล็กทรอนิกส์คืออะไร และต้องการใช้งานนั่นเอง
ทราบหรือไม่ว่าข้อมูลที่แสดงในใบรับอิเล็กทรอนิกส์ต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง
อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าใบรับอิเล็กทรอนิกส์ คือ เอกสารที่ผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนในระบบการออกใบกำกับภาษีและใบรับอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพาก รออกให้ลูกค้าเพื่อเป็นหลักฐานว่าได้รับการชำระสินค้าหรือบริการเรียบร้อยแล้ว มักเป็นเอกสารที่ออกคู่กับใบกำกับภาษี
สำหรับใครที่ต้องการทราบว่าเอกสาร e-Tax Invoice & e-Receipt ที่ผู้ประกอบการออกให้นั้นมีความถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ เบื้องต้นสิ่งที่ควรรู้คือ ข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต้องมีในใบกำกับภาษีเต็มรูปที่ถูกต้องตามมาตรา 86/4 ประมวลรัษฎากร ประกอบด้วย
- คำว่า “ใบกำกับภาษี”
- ชื่อ ที่อยู่ และเลข 13 หลักของผู้ออกใบกำกับภาษี
- ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อ
- ลำดับที่ เล่มที่ (หากมี)
- ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าสินค้าหรือบริการ
- จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี
- ข้อความอื่นที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด ได้แก่
8.1 สถานประกอบการของผู้ออกใบกำกับภาษี
8.2 เลข 13 หลักของผู้ประกอบการที่จด VAT
8.3 สถานประกอบการของผู้ซื้อที่จด VAT
8.4 เลข 13 หลักของผู้ซื้อที่เป็นผู้ประกอบการ VAT
8.5 สถานประกอบการตาม ภ.พ. 20 ของผู้ออกใบกำกับภาษีและของผู้ซื้อที่จด VAT เช่น สำนักงานใหญ่ และสาขาที่ เป็นต้น
นอกจากนี้ ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างใบรับอิเล็กทรอนิกส์กับใบเสร็จรับเงินธรรมดา คือ ลายเซ็นผู้ส่งสินค้า เพราะใน ใบรับอิเล็กทรอนิกส์นั้น ผู้ประกอบการจะต้องลงนามในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งลายเซ็นดิจิทัลนี้จะถูกเข้ารหัสความปลอดภัยไว้ ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า จะต้องเปิดดูและเห็นสัญลักษณ์ผ่านโปรแกรม เช่น โปรแกรมสำหรับเปิดไฟล์ PDF หรือ XML เท่านั้น นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังต้องมีหน้าที่ส่งนำส่งไฟล์ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ให้กรมสรรพากรในรูปแบบไฟล์ XML อีกด้วย
สำหรับข้อมูลใบรับอิเล็กทรอนิกส์ที่นำมาฝากนี้ หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ช่วยให้สามารถเข้าร่วมโครงการลดหย่อนภาษีปี 2567 ได้อย่างมีความเข้าใจมากขึ้น ทั้งนี้อย่าลืมว่าเอกสารที่จะนำมาใช้ในโครงการจะต้องมีความถูกต้อง และออกโดยผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากรเท่านั้น อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลใบรับอิเล็กทรอนิกส์ให้ถูกต้องทุกครั้ง เพื่อไม่ให้พลาดกับการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีในครั้งนี้